ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ให้ความรู้ประชาชน ผู้ปกครองป้องกันบุตรหลานจมน้ำช่วงปิดเทอม ซึ่งพบการเสียชีวิตสูงรองจากช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน รอบ 10 ปีที่ผ่านมา เฉพาะเดือนตุลาคม มีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 3 คน
นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า การจมน้ำยังคงเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กไทยอายุต่ำกว่า 15 ปี ในรอบ 10 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2551 – 2560 มีรายงานเสียชีวิตถึง 9,574 คน เฉลี่ยปีละ 957 คน โดยเฉพาะเดือนตุลาคมเป็นช่วงปิดเทอม พบว่ามีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีเสียชีวิตการจมน้ำสูงรองจากช่วงปิดเทอมใหญ่ภาคฤดูร้อน (เดือนมีนาคม – พฤษภาคม) เฉลี่ยวันละ 3 คน โดยเดือนตุลาคมปี 2560 ที่ผ่านมา มีเด็กเสียชีวิต 75 คน กลุ่มอายุ 5 – 9 ปีเสียชีวิตมากที่สุด ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเร่งให้ความรู้ประชาชน ผู้ปกครอง ผ่านสื่อต่าง ๆ ในท้องถิ่น เพื่อป้องกันเด็กจมน้ำเสียชีวิต
นายแพทย์สุขุมกล่าวต่อว่า สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการไปเล่นน้ำตามแหล่งน้ำสาธารณะมากที่สุด ได้แก่ คลองส่งน้ำ คลองชลประทาน อ่างเก็บน้ำ โดยเกือบทั้งหมดไม่มีอุปกรณ์ช่วยลอยตัวขณะเกิดเหตุ ที่น่าสังเกตคือ เด็กที่เสียชีวิตร้อยละ 12.5 ว่ายน้ำเป็น และคุ้นเคยกับแหล่งน้ำที่ไปเล่น แต่ไม่ทราบสภาพใต้น้ำที่เปลี่ยนแปลงไปจากฝนตกหนักในช่วงนี้ ที่ทำให้มีความเชี่ยว กระแสน้ำแรง มีความลึกมาก เด็กบางคนไม่ได้ตั้งใจไปเล่นน้ำ แต่พลัดตกน้ำจากการเดิน หรือยืนใกล้ขอบบ่อ หรือไปกับผู้ใหญ่ที่ออกหาปลาแล้วปล่อยเด็กเล่นน้ำกันเองตามลำพัง
ขอแนะนำผู้ปกครอง ต้องสอนเด็กให้รู้จักแหล่งน้ำเสี่ยงและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น สอนให้เด็กมีทักษะการเอาชีวิตรอดและวิธีการช่วยเหลือคนตกน้ำ/จมน้ำที่ถูกต้อง ไม่ลงไปช่วยคนจมน้ำด้วยตนเอง ต้อง “ตะโกน” เรียกให้ผู้ใหญ่มาช่วย โยนอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัวเพื่อช่วยคนตกน้ำเกาะจับพยุงตัว เช่น เชือก ถังแกลลอนพลาสติกเปล่า หรือวัสดุที่ลอยน้ำได้โดยโยนครั้งละหลายๆ ชิ้น ยื่นอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัวให้คนตกน้ำจับ เช่น ไม้ เสื้อ ผ้าขาวม้า ให้คนตกน้ำจับและดึงขึ้นมาจากน้ำ และโทรแจ้งทีมแพทย์กู้ชีพ 1669 ส่วนชุมชนควรสำรวจแหล่งน้ำเสี่ยง และติดป้ายเตือน พร้อมติดตั้งอุปกรณ์การช่วยคนตกน้ำที่หาได้ง่ายในชุมชน